Tuesday, February 13, 2007

ย้อนอดีต ๑ ... อยู่หอ

วันนี้ อยากบันทึกเรื่องราวในอดีต ซักหน่อย

จะว่าไปอดีตของแต่ละคน ความยาวของมัน(ถ้าวัดได้)คงผันแปรไปตามอายุ
ยิ่งอายุมากยิ่งมีอดีตมาก (แน่นอนอยู่แล้ว ... เสือกเขียนทำไมวะ)
ก็เลยคิดว่าจะเขียนเป็นตอนๆดีกว่า นึกตอนไหนได้เขียนตอนนั้น
ตั้งใจไว้อย่างนี้นะ ... ไม่รู้จะขยันไปได้ซักกี่มากน้อย

สมัยเด็ก โรงเรียนแห่งแรกของผม เป็นโรงเรียนเล็กๆของสมาคมจีน
ในอำเภอเล็กๆ ของจังหวัดเล็กๆ (ไม่รู้จะเล็กไปถึงไหน)
เป็นโรงเรียนจีน ก็ต้องสอนภาษาจีนสิครับ
แต่เรื่องที่จะเขียน ก็ไม่เกี่ยวกับ โรงเรียนจีน และภาษาจีนซักหน่อย(เสือกเขียนทำไมวะ)

เอาเป็นว่าเรียนอยู่ได้ 3 ปี จำได้ว่าจบชั้น ป.2 (วัยกำลังเฮี้ยวเชียวแหละ)
เตี่ยกับแม่ ก็หลอกพวกเรา 3 คนพี่น้อง ไปอยู่โรงเรียนประจำ
ที่ใช้คำว่าหลอก ก็เพราะโดนหลอกจริงๆอ่ะ
แกหลอกว่าจะพาไปดู วัวนม ดูหมู ดูหมาอัลเซเชี่ยน (คือที่โรงเรียนแห่งนี้ เขาเลี้ยงไว้ครับ)
แล้วแกก็แอบหนีกลับบ้าน! โอ้...พระเจ้า คิดได้ไงเนี่ย
มารู้ตัวอีกที ก็พบว่าตัวเองกับน้องๆ แหกปากร้องกันลั่นโรงเรียน
เหวอซะไม่มี ผมเองร้องไห้จนขี้แตกขี้แตน
ที่สำคัญ...
พวกเรา 3 คน พี่น้อง ถูกจับแยกกันอยู่คนละหอ
ผมอยู่หอชาย คนรองอยู่หอหญิง(คือเป็นเด็กเล็กที่ต้องมีพี่เลี้ยง ไม่ได้แปลว่ามันเป็นผู้หญิงนะ) ส่วนคนเล็กอยู่หอเด็กเล็ก
ความรู้สึกตอนนั้นน่ะเหรอ ไหนจะถูกหลอกไปทิ้งแล้ว ยังถูกจับแยกกันอีกด้วย สุดบรรยายเลยว่ะ
แต่ไม่นานก็ชิน อยู่ๆไปเพื่อนเยอะขึ้นๆ แล้วมีไม่น้อยทั้งรุ่นพี่ รุ่นเพื่อน และรุ่นน้องที่มาจากจังหวัดเดียวกัน
ก็เลยปรับตัวได้ง่ายขึ้น เด็กๆก็ยังงี้แหละ ลงว่าถ้าเพลินๆแล้วละก็ เป็นลืมหมด

อ้อ! พูดถึงโรงเรียนแห่งนี้บ้าง
ก็เป็นโรงเรียนของฝรั่ง มี "คุณพ่อ" ซึ่งเป็นฝรั่งตาน้ำข้าว เชื้อสายเยอรมันนะถ้าจำไม่ผิด เป็นเจ้าของโรงเรียน แล้วมีเมียเป็นคนไทย เราเรียกกันว่า "มะ" มาจาก MASTER หรือ MOTHER ก็ไม่รู้ อันนี้ก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน (ก็อย่างว่า มันเป็นอดีต กูจะไปจำได้หมดได้ยังไงวะ)

โรงเรียนนี้ตั้งอยู่ทีู่่จังหวัดตาก ส่วนครอบครัวผมอยู่สุโขทัย
ระยะทางไป-กลับ ก็ประมาณ 80 กิโลพอดี
ก็ไม่ไกลนัก ถ้าเทียบกับสมัยนี้ที่มาตรวัดความเร็วรถยนต์ไปไกลกว่า 200 กม./ชม.
และความเร็วระดับ 120 กม./ชม. เป็นความเร็วปกติ เพื่อให้ ตร.ทางหลวง มีรายได้พิเศษ

อ่ะ ... แขวะคนอื่นจนได้...

ต่อกันที่ระยะทางแล้วกัน
ถ้าเป็นเมื่อก่อนต้องถือว่าไกลพอสมควร เพราะถนนหนทางยังไม่สะดวก
ระยะทาง 80 กม. อาจเทียบเท่ากับ 200 กม. ในปัจจุบันเลยก็ว่าได้
ยังไม่นับว่าสมัยนั้นเส้นทาง สุโขทัย-ตาก เปลี่ยวเอามากๆ
กลางค่ำกลางคืน ไม่มีรถคันไหนกล้าออกวิ่ง เพราะโจรมันชุมมาก ก็ขนาดกลางวันแสกๆ แม่งยังปล้นกันเลย
ผู้ใช้เส้นทางนี้จึงต้องขับไป รอไป รอรถคันอื่นตามมาเพื่อไปพร้อมๆกัน
แต่ก็ช่างมันเหอะ เอาเป็นว่ามันไกลก็แล้วกัน (แค่อยากบอกว่าไกล ก็วกไปวนมา ล่อเข้าไปหลายบรรทัดแล้ว เวรกรรม!)

สรุปเลยต้องกลายเป็นนักเรียนประจำ (มันมีชื่อเรียกอย่างอื่นอีกไหมวะ? นักเรียนที่ไหนเขาก็เรียนกันเป็นประจำอยู่แล้ว)

นับแต่นั้นเป็นต้นมา ก็กิน-นอน-เรียน-เล่น อยู่ในโรงเรียนตลอดเวลา 1 เทอมเต็มๆ โดยไม่ได้กลับบ้าน แล้วก็เป็นอย่างนี้ทุกเทอมไป

ชีวิตตอนอยู่โรงเรียนประจำก็เป็นอะไรที่ โหด มัน ฮา ดี
ไว้จะค่อยๆเล่าละกัน ชักขี้เกียจอีกแระ
เป็นว่า จบตอนนี้ แบบนี้ละวะ

โคลงโลกนิติ

พฤษภ กาสร อีกกุญชร อันปลดปลง

โททนต์ เสน่ห์คง สำคัญหมาย ในกายมี

นรชาติ วางวาย มลายสิ้น ทั้งอินทรีย์

สถิตทั่ว แต่ชั่วดี ประดับไว้ ในโลกา

................

อยากบันทึกไว้ว่า โคลงบทนี้ มักจะเขียนกันผิด ตรงคำว่า พฤษภ และ กาสร
บ้างเขียน พฤกษก ผกาสร บ้างก็ พฤกษภ พกาสร ซึ่งให้ความหมายเป็นคนละเรื่อง

พฤษภ มันแปลว่า โค หรือ วัว
ส่วน กาสร แปลว่า กระบือ หรือ ควายนั่นเอง
สำหรับกุญชร ก็แปลว่า ช้าง
โททนต์ นี้ถ้าแปลตรงๆ แปลว่า ฟันสองซี่ แต่จริงๆแล้วหมายถึง เขา หรือ งา
ดังนั้นถ้าจะลองแปลความหมายของ โคลงโลกนิติ บทที่ว่านี้ ก็อาจจะได้ว่า

"วัว ควาย และช้าง เมื่อตายไป ก็ยังเหลือ เขา หรือ งา ไว้เป็นอนุสรณ์
แต่คนเรา เมื่อตายไป ร่างกายถูกเผาหรือเน่าเปื่อยผุพัง แล้วก็ไม่เหลืออะไร
ความดี-ความชั่ว ที่เราทำไว้ขณะมีชีวิตเท่านั้น ที่จะคงอยู่ตลอดไป"

อืมมมม... กูแปลได้ควายมั่กๆ ... 555
แต่ก็ เอาน่า ความรู้ส่วนตัว ใหม่ๆ ... จดไว้ๆ

แรกพบ

..... เรื่องของเรื่องคือนอนไม่หลับ แล้วไม่รู้จะทำอะไร แต่ก็ดีกว่านอนนิ่งๆแล้วคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย
อยากเขียน อยากบันทึก ความทรงจำเกี่ยวกับเหตุการณ์ในชีวิต ของตัวเราเอง
ปกติเวลาผมเขียนอะไรเป็นเรื่องเป็นราว ก็มักจะ พยายาม ใช้ภาษาให้มันสละสลวย
แล้วกว่า 90% ที่เขียนออกมา ก็มักจะไม่ได้เรื่องเท่าไหร่ บางทีเขียนเสร็จก็ว่าดีแล้วนะ
แต่พอไม่นาน กลับมาอ่านอีกก็รู้สึกว่า นี่กูเขียนเหรอวะ ห่วยแตก! จากนั้น ก็ ลบทิ้งสิครับ

เลยมาคราวนี้อยากเขียนแบบว่าเราพูดคุยกับตัวเอง สำนวนธรรมดาๆ คิดอะไรก็เขียน
ถึงไม่คิดก็จะเขียน ถ้ามันอยาก ... ก็ ... ลองดูกันซักตั้งวะ

อ้อ! บันทึกไว้เตือนความจำว่า รู้จัก Blogger.com จากที่ใดที่หนึ่ง ในโลกอินเตอร์เน็ต
แต่จำไม่ได้แล้วว่าจากไหน ไม่มีจุดอ้างอิง ... แล้วนี่กูจะเตือนความจำทำไมวะ ... ห่าเอ๊ย!
แต่ลองใช้ดูแล้ว ... ก็ชอบนะ ง่ายๆดี ไม่ต้องแต่งไรมาก ให้มันวุ่นวาย

พอแระ